เปิดตัว 7 ขุนพลทีมเศรษฐกิจวาง 3 เป้าหมายโตเป็นธรรม

สถานการณ์การเมือง…กำลังเข้มข้นมากขึ้นทุกวัน!! แต่ละพรรค…แต่ละผู้นำต่างเปิดตัวทีมงาน ต่างงัดแผนหาเสียง เพื่อดึงดูดคะแนนเสียงจากประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เพื่อไปให้ถึงฝั่งฝัน โดยเฉพาะการเป็น “รัฐบาล” เช่นเดียวกับพรรค “ก้าวไกล” ที่ได้ฤกษ์เปิดตัว 7 ขุนพลเศรษฐกิจ ชู 7 วาระเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย โดยหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นจุดเด่นที่ทำให้พี่น้องคนไทยยอมเทใจมอบคะแนนเสียงให้

ทีมเศรษฐกิจทั้ง 7 คน นำโดย “ศิริกัญญา ตันสกุล” ที่นอกจากเป็นรองหัวหน้าพรรค แล้วยังสวมหมวดหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พร้อมด้วยทีมงานทั้ง นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร, นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล, นายวรภพ วิริยะโรจน์, นายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล, นายชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร และ นายเดชรัต สุขกำเนิด ที่แต่ละคนต่างคร่ำหวอดในเศรษฐกิจแต่ละแขนงสำคัญ ๆ

*7 เรื่องเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย*

“ศิริกัญญา” บอกว่า พรรคก้าวไกลได้เตรียมนโยบายด้านเศรษฐกิจใน 7 เรื่อง เพื่อพลิกโฉมประเทศไทยให้ไม่เหมือนเดิมภายใต้ 7 วาระเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย ประกอบด้วย 1.เปลี่ยนจาก Made in Thailand เป็น Made with Thailand 2.เปิดโอกาส เปิดตลาด SME 3.ทลายทุนผูกขาด ลดค่าครองชีพ 4.Unlock เศรษฐกิจสร้างสรรค์ 5.แปลงข้อมูลเป็นขุมทรัพย์ 6.หยุดแช่แข็งชนบทไทย และ 7.ยกเครื่องภาครัฐ นำเศรษฐกิจไทยก้าวหน้าคำพูดจาก เว็บสล็อตทดลองเล่น

ไม่เพียงเท่านี้นโยบายเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ก็เพราะต้องการสร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโตแบบเป็นธรรม ใน 3 เรื่องหลัก ทั้งการสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจให้มั่นคง, การสร้างกลไกภาครัฐและกติกาการแข่งขันที่เป็นธรรม และการผลักดันเครื่องจักรเศรษฐกิจตัวใหม่ ๆ ที่เติบโตไปพร้อมกับซัพพลายเชนโลก ทั้งหมดจะเป็นจริงได้ ก็ต้องยกเครื่องระบบราชการ ต้องยกเครื่องวิธีการจัดทำงบประมาณครั้งใหญ่ หากได้เป็นรัฐบาลจะรื้องบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 นี้แน่นอน

*อัดสวัสดิการก้าวหน้า*

ที่สำคัญ!! นโยบายไฮไลท์เลย คือ เรื่องของสวัสดิการก้าวหน้าตั้งแต่เกิดจนตาย ที่ต้องใช้งบประมาณประมาณ 6.5 แสนล้านบาทเพื่อดำเนินการ โดยเป็นนโยบายที่ครบถ้วนมากกว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แน่นอน ไม่ต้องพิสูจน์รายได้ของครัวเรือน เพราะที่ผ่านมามีคนที่จนจริง ๆ ตกหล่นกว่า 46% ไม่ได้รับบัตรสวัสดิการของรัฐ ขณะที่สวัสดิการถ้วนหน้าตั้งแต่เกิดจนตาย จะให้การช่วยเหลือถึงเป้าหมายได้จริงแน่นอน เช่น การให้ของขวัญแรกเกิดถึง 6 ขวบ คนละ 3,000 บาท ใช้งบประมาณ 2,100 ล้านบาท การให้เงินเลี้ยงดูเด็กเล็กคนละ 1,200 บาทต่อเดือน ใช้งบประมาณ 32,000 ล้านบาท และให้แม่ลาคลอดได้ 6 เดือน

โดยได้เงินช่วยเหลือจากกองทุนประกันสังคม 5,000 บาทต่อเดือน ซึ่งต้องแก้ไขระบบของกองทุนประกันสังคม และจัดทำประกันสังคมถ้วนหน้า เจ็บป่วยได้เงินชดเชย ได้ค่าเดินทางหาหมอ โดยให้ทุกคนจ่ายเงินสมทบเพื่อเข้าสู่ระบบประกันสังคม มาตรา 40 ส่วนใครที่ไม่มีกำลังจ่ายเองได้ รัฐบาลจะจัดสรรงบจ่ายให้แทน ตั้งวงเงินไว้ปีละ 35,000 ล้านบาท ด้านเด็กได้เรียนฟรี อาหารฟรี มีรถรับส่ง

*เพิ่มค่าแรง-ช่วยเอสเอ็มอี*

สำหรับค่าแรงขั้นต่ำจะปรับขึ้นทุกปี เริ่มต้นวันละ 450 บาท โดยรัฐเข้าไปช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีใน 6 เดือนแรก ใช้งบประมาณ 16,000 ล้านบาท ผู้สูงวัยได้เงินเดือนละ 3,000 บาท และสร้างระบบดูแลผู้ป่วยติดเตียง ใช้งบ 420,000 ล้าน คนพิการได้เดือนละ 3,000 บาท ใช้งบ 72,000 ล้านบาท นอกจากนี้มีโครงการบ้านตั้งตัว โดยรัฐช่วยค่าเช่าบ้าน 1,000 บาทต่อเดือน ส่วนผู้ที่มีรายได้ 15,000 บาท และต้องการซื้อบ้านในราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท รัฐจะช่วยผ่อนบ้านให้ 2,500 บาทต่อเดือน

*รีดไขมันหางบให้สมดุล*

ยอมรับว่าต้องใช้งบประมาณปีละ 6.5 แสนล้านบาท เพราะต้องการปฎิรูปประเทศ แม้มีคนกังวลกันมากว่าเป็นภาระทางการคลัง เรื่องนี้ต้องทำให้เกิดความสมดุล โดยต้องรีดไขมันจากงบประมาณรายจ่าย ที่มีกว่า 3.3 ล้านล้านบาท มั่นใจว่าสามารถตัดลดโครงการที่ไม่จำเป็นลงได้ 1 แสนล้านบาท ทั้งเรื่องของการลดขนาดกองทัพลง 30-40% พร้อมกับเรียกคืนธุรกิจกองทัพมาให้กระทรวงการคลังบริหารจะได้เงิน 50,000 ล้านบาท ด้านงบกลางฯ ก็สามารถตัดลงได้ 30,000 ล้านบาท เช่นกัน รวมถึงนำรายได้จากเงินปันผลรัฐวิสาหกิจ 30,000 ล้านบาท มาเติม

ส่วนงบที่จะมาใหม่มาเพิ่ม ได้แก่ การเก็บภาษีความมั่นคั่งกับคนที่มีทรัพย์สินเกิน 300 ล้านบาท จะมีรายได้ใหม่ 60,000 ล้านบาท เก็บภาษีที่ดินรายแปลงและรวมแปลง 150,000 ล้านบาท เก็บภาษีบุคคลทุนใหญ่ 92,000 ล้านบาท การปฏิรูปสิทธิประโยชน์บีโอไอ 8,000 ล้านบาท การเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บภาษี 100,000 ล้านบาท และหวยบนดิน 50,000 ล้านบาท

*ชนบทไทยต้องแข็งแรง*

ด้าน “เดชรัต สุขกำเนิด” ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต ระบุว่า ขอประกาศวาระหยุดแช่แข็งชนบทไทย โดยเข้าไปบริหารจัดการเพื่อให้เกษตรกรมีสวัสดิการและความมั่นคงในที่ดิน แก้ปัญหาหนี้สินและจัดหาแหล่งน้ำ โดยจัดตั้งกองทุนพิสูจน์สิทธิ วงเงิน 10,000 ล้านบาทและรับรองสิทธิในที่ดินทำกิน เปลี่ยนที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนด สำหรับเกษตรกรที่มีทรัพย์สินไม่เกิน 10 ล้านบาท รายละไม่เกิน 50 ไร่ เพื่อให้เป็นเกษตรกรรายย่อยที่แท้จริง รวมถึงปลดล็อกหนี้สิน ที่ให้ 3 ตัวเลือก ส่วนแรกเกษตรกรที่อายุ 60 ปีขึ้นไป หากสามารถชำระหนี้ได้ครึ่งหนึ่งรัฐจะช่วยสมทบอีกครึ่ง

หากไม่มีความสามารถชำระหนี้ รัฐก็จะยื่นทางเลือกที่สองให้ โดยการเช่าที่ดินเกษตรกรเพื่อปลูกไม้ยืนต้นที่มีมูลค่า อย่างน้อย 20 ปี ซึ่งเกษตรกรจะได้รับการปลดหนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าร่วมโครงการ ส่วนกรณีที่ไม่มีเงินและที่ดิน รัฐจะเข้าไปติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ด้วยการแบ่งรายได้ โดยรัฐจัดเก็บรายได้ในค่าลงทุนในการติดตั้งและส่วนที่เหลือเจ้าของพื้นที่เอาไปชำระเงินต้น ตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะสามารถชำระหนี้ได้หมด

ทั้งหมด!! เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่พรรคก้าวไกลนำเสนอ ส่วนในความเป็นจริงจะทำได้มากน้อยเพียงใดก็ต้องรอดูกันต่อไป!!.

สถานการณ์การเมือง…กำลังเข้มข้นมากขึ้นทุกวัน!! แต่ละพรรค…แต่ละผู้นำต่างเปิดตัวทีมงาน ต่างงัดแผนหาเสียง เพื่อดึงดูดคะแนนเสียงจากประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เพื่อไปให้ถึงฝั่งฝัน โดยเฉพาะการเป็น “รัฐบาล” เช่นเดียวกับพรรค “ก้าวไกล” ที่ได้ฤกษ์เปิดตัว 7 ขุนพลเศรษฐกิจ ชู 7 วาระเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย โดยหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นจุดเด่นที่ทำให้พี่น้องคนไทยยอมเทใจมอบคะแนนเสียงให้ ทีมเศรษฐกิจทั้ง 7 คน นำโดย “ศิริกัญญา ตันสกุล” ที่นอกจากเป็นรองหัวหน้าพรรค แล้วยังสวมหมวดหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พร้อมด้วยทีมงานทั้ง นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร, นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล, นายวรภพ วิริยะโรจน์, นายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล, นายชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร และ นายเดชรัต สุขกำเนิด ที่แต่ละคนต่างคร่ำหวอดในเศรษฐกิจแต่ละแขนงสำคัญ ๆ *7 เรื่องเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย* “ศิริกัญญา” บอกว่า พรรคก้าวไกลได้เตรียมนโยบายด้านเศรษฐกิจใน 7 เรื่อง เพื่อพลิกโฉมประเทศไทยให้ไม่เหมือนเดิมภายใต้ 7 วาระเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย ประกอบด้วย 1.เปลี่ยนจาก Made in Thailand…