SC ปลื้ม ขายหุ้นกู้ได้ครบตามเป้า

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถปิดการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2566 จำนวน 2 ชุด คือ ชุดที่ 1อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.31% ต่อปี และชุดที่ 2 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.50% ต่อปี รวม 2 ชุดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ผ่านธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และธนาคารทหารไทยธนชาต โดยอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และหุ้นกู้อยู่ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง แสดงให้เห็นถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงระดับบนคำพูดจาก ฟรี เกมสล็อตทดลองเล่น

นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ อยู่ในช่วงที่ตลาดหุ้นกู้มีความผันผวนสูงมาก นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นกู้ที่นักลงทุนมีความมั่นใจ การที่บริษัทฯ ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่เป็นอย่างดี ทำให้สามารถจำหน่ายได้ครบมูลค่าที่ตั้งเป้า แสดงถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกรายที่ให้ความไว้วางใจลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา และสถาบันการเงินที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ซึ่งประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และธนาคารทหารไทยธนชาต ที่ทำให้การขายหุ้นกู้ครั้งนี้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ไปใช้คืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดและเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจและขยายกิจการของบริษัทฯ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ ต่อไป”คำพูดจาก ทดลองสล็อต ใหม่ล่าสุด

“ในส่วนของแผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดโครงการไปทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 18,600 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 8 โครงการและคอนโดฯ 1 โครงการ โดยเป็นแบรนด์ใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ “95E1” บนทำเลเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา โครงการบ้านเดี่ยวระดับ 100 ล้านบาท และโครงการคอนโดฯ “COBE” รัชดา-พระราม 9 ที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี และในส่วนครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดโครงการทั้งหมด 15 โครงการ มูลค่ากว่า 22,800 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 13 โครงการ และคอนโดฯ 2 โครงการ ซึ่งโครงการทั้งหมดมีที่ดินรองรับทั้งหมดแล้ว ซึ่งบริษัทเชื่อว่าทุกโครงการจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าของบริษัทเหมือนทุกโครงการที่ผ่านมา”

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถปิดการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2566 จำนวน 2 ชุด คือ ชุดที่ 1อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.31% ต่อปี และชุดที่ 2 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.50% ต่อปี รวม 2 ชุดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ผ่านธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และธนาคารทหารไทยธนชาต โดยอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และหุ้นกู้อยู่ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง แสดงให้เห็นถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงระดับบนคำพูดจาก ฟรี เกมสล็อตทดลองเล่น นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ อยู่ในช่วงที่ตลาดหุ้นกู้มีความผันผวนสูงมาก นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นกู้ที่นักลงทุนมีความมั่นใจ การที่บริษัทฯ ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่เป็นอย่างดี ทำให้สามารถจำหน่ายได้ครบมูลค่าที่ตั้งเป้า แสดงถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกรายที่ให้ความไว้วางใจลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา และสถาบันการเงินที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ซึ่งประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และธนาคารทหารไทยธนชาต ที่ทำให้การขายหุ้นกู้ครั้งนี้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ไปใช้คืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดและเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจและขยายกิจการของบริษัทฯ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ ต่อไป”คำพูดจาก ทดลองสล็อต ใหม่ล่าสุด “ในส่วนของแผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดโครงการไปทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 18,600 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 8 โครงการและคอนโดฯ 1 โครงการ โดยเป็นแบรนด์ใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ “95E1” บนทำเลเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา โครงการบ้านเดี่ยวระดับ 100 ล้านบาท และโครงการคอนโดฯ “COBE” รัชดา-พระราม 9 ที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี และในส่วนครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดโครงการทั้งหมด 15 โครงการ มูลค่ากว่า 22,800 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 13 โครงการ และคอนโดฯ 2 โครงการ ซึ่งโครงการทั้งหมดมีที่ดินรองรับทั้งหมดแล้ว ซึ่งบริษัทเชื่อว่าทุกโครงการจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าของบริษัทเหมือนทุกโครงการที่ผ่านมา”